วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558




ว่านน้ำ Acorus gramineus


ชื่อสามัญ         Japanese Rush
แหล่งกำเนิด     เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
วัสดุปลูก          กรวดล้าง
สภาพแสง        ไม่จำกัด
ค่า pH              6.8-7.8
ความกระด้าง   ไม่จำกัด
อุณหภูมิ           15-20 องศา
การตกแต่ง   :   ใช้ปลูกประดับบริเวณส่วนหน้าของตู้
การขยายพันธุ์  :          ตัดแบ่งโรโปโซมออกเป็นชิ้นแล้วนำไปเพาะชำ
ลักษณะทั่วไป
ว่านน้ำ ( A.gramineus ) เป็นพืชในวงศ์ Araceae จัดเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวลำต้นเป็นเหง้าอยู่ใต้ดิน ใบเรียวยาว แบนปลายแหลม ใบแตกจากลำต้น ฐานใบเป็นกาบเรียงกันคล้ายพัด ความยาวไม่เกิน 30 เซนติเมตร เป็นพืชที่เจริญเติบโตช้า มีความทนทานต่อสภาพความเป็นกรดด่าง (ph) และความกระด้างของน้ำตลอดจนสามารถอยู่ได้ในทุกสภาพของแสงสว่าง






อนูเบียส Anubias barteri


ชื่อสามัญ         Barter’s Anubias
แหล่งกำเนิด     เขตร้อนของแอฟริกาตะวันตก
วัสดุปลูก          ใส่ปุ๋ยไม้น้ำรองพื้นใต้ชั้นกรวด
สภาพแสง        ที่ร่ม แสงน้อย
ค่า pH              ไม่จำกัด
ความกระด้าง   ไม่จำกัด
อุณหภูมิ           ประมาณ 25 องศา
การตกแต่ง   :   ใช้ปลูกประดับบริเวณส่วนหน้าของตู้ หรือ มัดติดกับขอนไม้หรือหินตกแต่งตู้
การขยายพันธุ์  :          แยกหน่อหรือตัดแบ่งเหง้าไปเพาะชำ
ลักษณะทั่วไป
อนูเบียส (A. barteri) เป็นพรรณไม้น้ำในวงศ์ Areceae เป็นพืชล้มลุกหลายฤดู มีลำต้นเป็นแท่งใต้ดินและแทงขึ้นมาเหนือดิน ใบแตกจากต้นสีเขียวเข้ม ดอกสีน้ำตาลขนาดเล็กไม่มีก้านดอกออกรวมเป็นช่อแบบสแปดิก มีกาบประดับลักษะคล้ายใบ เป็นพืชเจริญเติบโตช้าและอยู่ใต้น้ำได้ยาวนานไม่ต้องดัดแต่งบ่อย






อนูเบียสแคระ Anubias nana


ชื่อสามัญ         Dwarf Anubias
แหล่งกำเนิด     เขตร้อนของแอฟริกาตะวันตก
วัสดุปลูก          ใช้ปุ๋ยไม้น้ำรองพื้นใต้ชั้นกรวด
สภาพแสง        ที่ร่ม แสงน้อย
ค่า pH              ไม่จำกัด
ความกระด้าง   ไม่จำกัด
อุณหภูมิ           ประมาณ 25 องศา
การตกแต่ง   :   ใช้ปลูกประดับบริเวณส่วนหน้าของตู้
การขยายพันธุ์  :          แยกหน่อ หรือตัดแบ่งไรโซมเป็นชิ้นแล้วนำไปเพาะชำ
ลักษณะทั่วไป
อนูเบียสแคระ (A.nana) เป็นพรรณไม้น้ำในวงศ์ Araceae ที่มีขนาดเล็กที่สุดในสกุลเดียวกัน เจริญเติมที่สูงไม่เกิน 15 เซนติเมตร ลำต้นเป็นแทงใต้ดิน และแทงขึ้นเหนือดิน ใบแตกจากโคนต้น ลักษณะใบรูปไข่สีเขียวเข้มยาวไม่เกิน 6 เซนติเมตร เป็นพรรณไม้น้ำที่ดูแลรักษาง่าย เนื่องจากมีความทนทาน เจริญเติบโตช้า สามารถอยู่ใต้น้ำได้นาน






สันตะวาหางไก่ Blyxa japonica



ชื่อสามัญ         Bamboo Plant
แหล่งกำเนิด     เอเชียอาคเนย์
วัสดุปลูก          หินบ่นใต้ชั้นกรวด
สภาพแสง        ปลานกลาง
ค่า pH              7.0
ความกระด้าง   ไม่จำกัด
อุณหภูมิ           25 องศา
การตกแต่ง   :   ใช้ปลูกประดับบริเวณส่วนหน้าของตู้
การขยายพันธุ์  :          เพาะเมล็ด หรือตัดไหลแยกต้นไปปลูกใต้น้ำ
ลักษณะทั่วไปทางพฤกษศาสตร์
            สันตะวาหางไก่ ( B. japonica )  เป็นพันธุ์ไม้น้ำในวงศ์ Hydrochaitaceae เป็นพืชมีดอก ใบเลี้ยงเดี่ยว  อายุฤดูเดียว ทรงเป็นพุ่ม มีไหลที่โคน  ใบแบนแคบ ยาว เรียงตัวเป้นกระจุก ปลายใบแหลม ไม่มีก้านใบ ฐานแผ่ออกเป็นก้านใบ ดอกเป็นดอกเดียวสมบูรณ์เพศ เมล็ดรูปกระสวยสีขาว






เฟิร์นโบลบิทิส Bolbitis heudelotii


ชื่อสามัญ         African Water Fern
แหล่งกำเนิด     เขตร้อนแอฟริกาตะวันตก
วัสดุปลูก          ใช้มัดติดกับขอนไม้หรือหินประดับตู้
สภาพแสง        แสงรำไร
ค่า pH              ไม่จำกัด
ความกระด้าง   3-8 dH
อุณหภูมิ           22-28องศา
การตกแต่ง   :   ใช้ปลูกประดับบริเวณส่วนหน้าของตู้
การขยายพันธุ์  :          ตัดแบ่งไรโซมที่มีต้นใหม่งอกนำไปปลูก
ลักษณะทั่วไป
            เฟิร์นโบลบิทิส ( B. heudelotii ) เป็นเฟิร์นน้ำอยู่ในวงศ์ Polypodiaceae ลำต้นเป็นเหง้าสีเขียวถึงดำปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำ รากฝอยสีดำช่วยยึดจับไรโซมติดกับวัสดุที่มีผิวแข็ง ไม่ขึ้นในกรวดและพื้นปูน ระยะแรกๆ จึงต้องมัดติดกับก้อนหินหรือขอนไม้ด้วยยางยึด ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกสีเขียวแก่ ไม่ชอบแสงมาก ถ้าจัดให้อยู่ใกล้กับทางน้ำออกของเครื่องกรองจะงามกว่าบริเวณอื่น






ใบพาย Cryptocoyne wendtii



ชื่อสามัญ         -
แหล่งกำเนิด     ไทย ศรีลังกา
วัสดุปลูก          กรวดล้าง
สภาพแสง        ปลานกลางถึงแสงเข้ม
ค่า pH              6.8-7.2
ความกระด้าง   3-8 dH
อุณหภูมิ           20-26 องศา
การตกแต่ง   :   ใช้ปลูกประดับบริเวณส่วนหน้าของตู้
การขยายพันธุ์  :          ตัดแบ่งไหลที่มีต้นงอกใหม่ไปเพาะชำ
ลักษณะทั่วไป
            ใบพาย (C.wendtii) เป็นพรรณไม้น้ำอยู่ในวงศ์ Araceae ลักษณะทั่วไปคล้ายไม้น้ำสกุล Cryptocoryne อื่น แต่ชนิดนี้ใบและก้านเป็นสีเขียวอมแดงลักษณะใบยาว ปลายและโคนใบแหลม ขอบใบเป็นรอยหยัก และเป้นพรรณไม้น้ำอีกชนิดหนึ่งที่สถาบันวิจัยสัตว์น้ำสวยงามและสถานพันธุ์สัตว์น้ำของไทยได้ทดลองเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อจนประสบความสำเร็จ






อเมซอนใบกลม Echinodorus cordifolius ‘Ovalis’


ชื่อสามัญ         Radicans Sword, Spade-leaf Plat
แหล่งกำเนิด     ทางตอนใต้ของอเมริกาเหนือ
วัสดุปลูก          พืชปลูกผสมปุ๋ยไม้น้ำ
สภาพแสง        แสงเข้ม
ค่า pH              ไม่จำกัด
ความกระด้าง   ไม่จำกัด
อุณหภูมิ           10-27องศา
การตกแต่ง   :   ใช้ปลูกบริเวณส่วนหน้าของตู้
การขยายพันธุ์  :          ตัดต้นอ่อนก้านช่อดอกไปปลูกในแปลงดินปนทรายชื้นแฉะ
ลักษณะทั่วไป
            อเมซอนใบกลม ( E. codrifolius ‘Ovailis ) ลักษณะทั่วไปคล้ายพรรณไม้น้ำในสกุล Echinodrus ที่แตกต่างกัน คือ ใบที่มีทรงเป็นรูปไข่ ปลายแหลม ยาวประมาณ 23 เซนติเมตร กว้างประมาณ 18 เซนติเมตร ปกติใบจะเป็นสีเขียวอ่อนแต่ในสภาวะบางอย่าง ใบอาจมีจุดสีชมพูเล็กๆเกิดขึ้น






อเมซอนแดง Echinodrus Osiris



ชื่อสามัญ         Swedish Echinodrus
แหล่งกำเนิด     อเมริกาใต้
วัสดุปลูก          พื้นปลูกผสมปุ๋ยที่มีธาตุเหล็กสูง
สภาพแสง        ปลานกลางถึงแสงเข้ม
ค่า pH              6-7
ความกระด้าง   14-15 dH
อุณหภูมิ           16-26องศา
การตกแต่ง   :   ใช้ปลูกบริเวณส่วนหน้าของตู้
การขยายพันธุ์  :          แยกต้นอ่อนที่แตกใต้น้ำไปปลูก
ลักษณะทั่วไป
            อเมซอนแดง ( E. Osiris ) จัดอยู่ในวงศ์ Allsmataceae  เช่นเดียวกับพรรณไม้น้ำสกุล  Echinodorus  อื่นๆ ลักษณะทั่วไปคล้ายกัน แต่อเมซอนแดงใบอ่อนจะมีสีแดง ซึ่งเป็นตัววัดระดับธาตุเหล็กในตู้ปลา นั่นคือถ้าตู้ขาดธาตุเหล็ก ใบอ่อนจะซีดและบางใส แต่ถ้าขาดความเป็นด่าง (pH) สูงกว่า 7.8 จะมีผลเชิงลบต่อการเจริญเติบโต  ออเมซอนแดงเป็นพรรณไม้ประเภทครึ่งบกครึ่งน้ำ อยู่ได้ทั้งใต้น้ำและเหนือน้ำ ใบใต้น้ำจะเรียวกว่าอยู่เหนือน้ำ





อเมซอน Echinodorus ozelot


ชื่อสามัญ         -
แหล่งกำเนิด     อเมริกาใต้
วัสดุปลูก          พืชปลูกผสมปุ๋ยไม้น้ำ
สภาพแสง        ไม่จำกัด
ค่า pH              6-9
ความกระด้าง   5-18 dH
อุณหภูมิ           15-30 องศา
การตกแต่ง   :   ใช้ปลูกปลูกตกแต่งเป็นกอเดียว
การขยายพันธุ์  :          แยกต้นอ่อนที่แตกใต้น้ำไปปลูก
ลักษณะทั่วไป
            อเมซอน ( E. ozelot )  จัดอยู่ในวงศ์ Alismataceae จุดเด่นของอเมซอนพันธุ์นี้อยู่ที่ใบด่างเป็นจุดๆ กระจายอยาทั่วใบ มองเห็นชัด ขอบใบเป็นร่องพรรณไม้น้ำที่เลี้ยงง่ายเพราะคงทนต่อแทบทุกสภาพแวดล้อม ขอเพียงอย่าขาดสารอาหารเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น ควรใส่ปุ๋ยพรรณไม้น้ำอย่างสม่ำเสมอ






หญ้าเตี้ย   Eghinodorus tenellus


ชื่อสามัญ         Pygmy Chain Swordplant
แหล่งกำเนิด     อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้
วัสดุปลูก          กรวดล้าง
สภาพแสง        ไม่จำกัด
ค่า pH              6.5-7.2
ความกระด้าง   3-18 dH
อุณหภูมิ           05-26 องศา
การตกแต่ง   :   ใช้ปลูกตกแต่งฉากหน้าของตู้
การขยายพันธุ์  :          ตัดแบ่งต้นอ่อนที่แตกจากไหลไปปลูก
ลักษณะทั่วไปทางพฤกษศาสตร์
            หญ้าเตี้ย ( E. tenellus ) เป็นอเมซอนพันธุ์เล็ก จัดอยู่ในวงศ์ Alismataceae เช่นกัน เป็นพืชครึ่งบกครึ่งน้ำ ถ้าอยู่บนบกก้านจะมีก้านยาวประมาณ 7.5 เซนติเมตร ลักษณะเป็นใบรูปหอก โคนและปลายใบแหลม ยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตร มีดอกเล็กๆ สีขาวรวมเป็นช่อ แต่ถ้าอยู่ใต้น้ำใบจะไม่มีก้านใบลักษณะจะเรียวยาว 15 เซนติเมตร เมื่อปลูกรวมเป็นกลุ่มใบจะชูตั้งขึ้น แต่ถ้ามีพื้นที่ว่าง ใบจะโค้งงอลงทำให้ความสูงลดลง เหลือประมาณ 5 เซนติเมตร



7 ความคิดเห็น: